แม้ประเทศไทยจะได้นายกรัฐมนตรีชื่อ “เศรษฐา ทวีสิน” แล้ว แต่ในทางการเมืองยังต้องวิเคราะห์ต่อ โดยเฉพาะอำนาจต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีและเสถียรภาพของรัฐบาลใหม่หลังสลายขั้วจับมือ มุมของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ที่ก่อนหน้านี้ออกมาวิเคราะห์ทิศทางการเมืองบ่อยๆ และเคยพูดหลายครั้งว่าปลายทางนายกฯ จะชื่อ “ประวิตร” วันนี้ไม่คอนเฟิร์มหนักแน่นแบบเดิมแล้ว แต่ยังเชื่อว่าจะมีนายกฯ ชื่อ “เศรษฐา” ไม่นาน ก่อนจะถูกสอยลงจากตำแหน่ง
"ปารีณา" ฟันธง! โหวตนายก "เศรษฐา" ชนะได้ เพราะ "บิ๊กตู่"
"สมศักดิ์" รับ โผ "ครม.เศรษฐา 1" กระทรวงใหญ่ชัดแล้วใครได้
เป็นการ “ทำนาย” อนาคตการเมืองไทยของนายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เชื่อว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย จะอยู่ในตำแหน่งได้ไม่เกิน 1 ปี ก่อนถูกสอยจากกรณีร้องเรียนต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาแฉก่อนหน้านี้
โดยนายจตุพร วิเคราะห์รัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา เป็นรัฐบาลที่ไม่มีเสถียรภาพ เพราะเป็นรัฐบาลประสม 11.5 พรรค ซึ่งตัวเลข .5 นายจตุพร นับรวม สส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่โหวตสวนมติเห็นชอบนายเศรษฐา เชื่อว่าจะถูกดึงมาร่วมรัฐบาล หลังมีการดีลเป็น “แผนสำรอง” จนโหวตให้ เพราะไม่ไว้ใจท่าทีของ พล.อ.ประวิตร และพรรคพลังประชารัฐ
แย้มจับตาอนาคต "2ป." มีอำนาจต่อรองสูงสุด
พร้อมบอกว่าการเมืองหลังจากนี้ ต้องจับตาท่าทีของ 2 ป. คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เนื่องจากนายเศรษฐาได้เป็นนายกฯ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้ได้เสียง สวคำพูดจาก ปั่นสล็อตแตกทุกเกม. ฝั่งนี้ รวมถึง สส.พรรครวมไทยสร้างชาติโหวตให้ ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ตอนนี้มีอำนาจต่อรองมาก ส่วน พล.อ.ประวิตร เอง ก็คงไม่คิดว่าจะถูกน้องหัก ไม่เหมือนที่ตกลงกันไว้ ทำให้ไม่รู้ตอนนี้ต้องไปดื่มน้ำใบบัวบกหรือน้ำจับเลี้ยงแก้ช้ำใน ส่ง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องชาย ไปร่วมพิธีโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกฯ แทน แต่ความสัมพันธ์ของ 2 ป. คาดเดาไม่ได้ เพราะหักกันไปก็มีโอกาสกลับมาดีกัน ดังนั้นการเมืองหลังจากนายเศรษฐาถูกสอยแล้ว ก็ยังเดาอะไรไม่ได้
“จตุพร” เตือนทักษิณ ผูกปมเรื่องโรค ระวังพัวพันยุ่งเหยิง
โดยการให้สัมภาษณ์ของนายจตุพรครั้งนี้ ผู้สื่อข่าวสังเกตว่า ไม่ได้ฟันธงว่าปลายทางนายกฯ จะไปจบที่ พล.อ.ประวิตร เหมือนทุกครั้ง รวมถึงไม่ฟันธงเรื่องอำนาจการต่อรองเก้าอี้ รมต. ต่างๆ ว่าพรรคไหนมีอำนาจต่อรองสูงสุด บอกเพียงว่า ยังต้องจับตาดู เพราะมีหลายพรรคร่วมรัฐบาล และบางพรรคก็อยู่ภายใต้กลุ่มทุนเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม นายจตุพร มองว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เพิ่งกลับไทย ยังมีอิทธิพลในการจัดตั้งรัฐบาล แม้ว่าตัวจะอยู่ในเรือนจำหรือโรงพยาบาลก็ตาม พร้อมเตือนนายทักษิณว่าความตั้งใจที่ไม่อยากติกคุกแม้แต่วันเดียว อาจย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองได้ในภายหลัง โดยตั้งคำถามกรณีที่นายทักษิณกลับมาแล้วตรวจเจอหลายโรค ซึ่งราชทัณฑ์แจ้งว่าถูกย้ายมารักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ เหตุใดเพิ่งมาตรวจพบที่ไทย ทำให้หลายคนไม่เชื่อถือ
นายจตุพร ยังยกตัวอย่างตอนที่ตัวเองติดเชื้อในกระแสเลือดในเรือนจำ บอกว่า ขณะนั้นคนก็ไม่เชื่อ จนกรมราชทัณฑ์ต้องส่งเลือดออกมาให้ “หมอเหรียญทอง” ซึ่งมีอุดมการณ์ทางการเมืองตรงกันข้ามเป็นคนตรวจซ้ำ กรณีของนายทักษิณก็เช่นกัน นายจตุพร เชื่อว่า สุดท้ายจะพิสูจน์ความจริงได้เรื่องอาการป่วยต่างๆ