เริ่มต้นที่ผู้ว่าการนิคมอุตสาหกรรม เผย นักลงทุนเข้าใจการเปลี่ยนรัฐบาลใหม่เข้ามา เชื่อไม่กระทบการลงทุน ด้านเอกชน มั่นใจนโยบายทุกอย่างคุยกันได้ ต้องใช้เวลา และจะเดินหน้าลงทุนต่อเนื่องแม้ทิศทางเปลี่ยน
นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองไม่ได้ส่งผลต่อการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมมากนัก ในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา ประเทศไทยได้พิสูจน์มาหลายครั้งแล้ว ถึงแม้จะมีความไม่สงบทางการเมืองใดๆ กระทั่ง โรคระบาด อุทกภัย แต่ภาคอุตสาหกรรมยังเดินหน้าได้ต่อเนื่องคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง อันดับ1
โดยกนอ. ได้โรดโชว์พูดคุยกับนักลงทุนหลายประเทศ พบว่า ยังให้ความเชื่อมั่นกับประเทศไทยมาก เข้าใจการเมืองของไทย แม้จะมีความกังวลบ้างเกี่ยวกับนโยบายใหม่ๆ ที่ออกมา แต่เชื่อว่าทุกการเปลี่ยนแปลงล้วนต้องใช้ระยะเวลา ส่วนหากจัดตั้งรัฐบาลช้าจะมีผลต่อเศรษฐกิจหรือไม่ ผู้ว่า กนอ.ย้ำว่า ไม่ใช่เรื่องน่ากังวล เพราะไทม์ไลน์การจัดตั้งรัฐบาลชัดเจนอยู่แล้ว
หุ้นไทยฟื้นแรง! ปิดตลาดเช้าพลิกบวก 0.15% หลังดิ่งหลุด 1,500 จุดในรอบ 2 ปี
ต่างชาติเทขายหุ้นไทย 1.06 หมื่นล้านบาท คาดรอความชัดเจนตั้งรัฐบาลใหม่
รวมถึงแนวทางฐานการพัฒนาเศรษฐกิจของไทยเข้มแข็งมาตลอด ไม่ได้เปลี่ยนไปตามกระแสของการเมือง แม้จะมีความห่วงใยในนโยบายของพรรคก้าวไกลอยู่บ้าง แต่เชื่อว่ามองผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก
ด้านนายฮาราลด์ ลิงค์ ประธานกลุ่มบริษัท บี.กริม กล่าวว่าไม่มีความกังวลเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล โดยต้องรอให้ กกต.ประกาศทุกอย่างให้ชัดเจนก่อน บริษัทเราอยู่มา 145 ปี เราทำงานกับรัฐบาลไหนก็ได้ เราลงทุนปีละกว่า 2 แสนล้านบาท เรารักประเทศไทยมากๆ และ จะเดินหน้าลงทุนตามแผนที่วางไว้อยู่แล้ว
ด้านนางสาวจรีพร จารุสกุล ประธานกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ถือว่าน่าตื่นเต้นว่าคณะรัฐมนตรีจะหน้าตาเป็นอย่างไร เนื่องจากมีโจทย์ทางเศรษฐกิจต้องเข้ามาต้องดูแลจำนวนมาก รวมถึงดูแลภาพรวมการแข่งขันกับต่างชาติ โดยเฉพาะปัญหาขาดแคลนแรงงาน แม้ว่าทุกพรรคการเมืองจะมีนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ แต่นักลงทุนต่างชาติก็ยินดีจ่าย ถ้าหากคุณภาพแรงงานมีพารพัฒนา และ มีทักษะการทำงานที่ดีขึ้น
วันนี้ช่วงเย็น จะมีการแถลงเรื่องการเซ็นเอ็มโอยู จัดตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกล ซึ่งเรื่องนี้เป็นปัจจัยกดดันการลงทุน ในตลาดหุ้นไทย เพราะนักลงทุนยังไม่มั่นใจว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ทำให้นักลงทุนเทขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยง ส่งผลให้ ดัชนีหุ้นไทยในภาคเช้าร่วงลงต่อเนื่อง และเคลื่อนไหวในแดนลบ โดยลดลงต่ำสุดในช่วงเช้าถึง 23 จุด ดัชนีหลุดแนวรับสำคัญที่ 1,500 จุด เป็นครั้งแรก ในรอบ 2 ปี ลงมาต่ำสุดที่ 1,491.12 จุด